การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
ในการออกกำลังกายนั้น หากออกกำลังกายไม่ถูกวิธี ไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้เล่น หรือออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ตั้งแต่เกิดจากบาดเจ็บเล็กน้อยถึงบาดเจ็บที่รุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่หากการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นความรุนแรงไม่มากนัก ประชาชนก็ควรที่จะสามารถดูแลตนเองได้ ดังนั้นการให้ความรู้ในการดูแลตนเองสำหรับประชาชนเมื่อเกิดการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายและเล่นกีฬาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นที่ประชาชนควรจะรู้ไว้
การดูแลตนเองเมื่อได้รับการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาจะได้ผลดีต้องกระทำอย่างถูกวิธีและถูกเวลา โดยขึ้นกับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง ประสบการณ์ และอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งจากแพทย์ ผู้ฝึกสอน นักกายภาพบำบัด รวมทั้งตัวผู้เล่นเอง
การบาดเจ็บจากการออกกำลังกายและเล่นกีฬา โดยทั่วไปมักเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ
- การกระแทกอย่างรวดเร็วและรุนแรง (contact and acute injury)
- การใช้งานอวัยวะมากเกินหรือซ้ำซาก (overused injury)
สำหรับการดูแลผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาเบื้องต้น จะดูแลในส่วนการบาดเจ็บที่เกิดทันทีในสนามเป็นส่วนใหญ่ ความรุนแรงของการบาดเจ็บสามารถแบ่งได้หลายระดับ ดังนี้
- การบาดเจ็บเล็กน้อย เช่น การมีแผลถลอก ผิวหนังฉีกขาด มีอาการตะคริว และมีการยืดของเอ็นยึดข้อมากเกินไป (sprains)
- การบาดเจ็บรุนแรงปานกลาง เช่น เอ็นยึดข้อมีการฉีกขาดบางส่วน (sprain) ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บบวม (swelling) และมีอาการปวด (pain) มีอาการบาดเจ็บเมื่อเคลื่อนไหวอวัยวะดังกล่าว รวมทั้งการเคลื่อนไหวทำได้น้อยลง (decrease range of motion)
- การบาดเจ็บรุนแรงมาก (severe injuries) เช่น มีกระดูกหักหรือข้อเคลื่อน มีการเสียรูปของอวัยวะและมีอาการปวดอย่างมาก
- การบาดเจ็บที่เป็นอันตรายต่อชีวิต (life threatening) เช่น มีการบาดเจ็บที่รุนแรงต่อบริเวณลำคอหรือศีรษะ มีอาการหมดสติ มีอาการแสดงความผิดปกติของการทำงานของหัวใจ (heart attact)
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นมีความรุนแรงแตกต่างกันตามขนาดของกำลัง อัตราความเร็ว ความแข็ง ความอ่อน ความทื่อ หรือคมของสิ่งของที่มากระทบ ทำให้อวัยวะและเนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นอันตรายต่อนักกีฬา อาจทำให้เสียชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการบำบัดรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที
การตัดสินใจว่าจะนำผู้ป่วยส่งสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลหรือไม่นั้น จะต้องทำโดยเร็วที่สุด อย่าลองปฐมพยาบาลอยู่นาน เพราะอาจสายเกินแก้หรือมาช้าเกินไป
อุบัติเหตุจากการออกกำลังกายและเล่นกีฬาที่ต้องนำส่งสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาล มีดังนี้
- หมดสติเพราะถูกกระแทก (ถึงแม้จะฟื้นคืนสติแล้วก็ตาม)
- กระดูกหักทุกชนิด
- ข้อเคลื่อน ข้อหลุด ทุกชนิด
- การตกเลือดจากอวัยวะภายใน (ทรวงอก ช่องท้อง เชิงกราน และบั้นเอว)
- บาดเจ็บที่ตา
- บาดแผลลึกที่มีเลือดออกมาก
- สิ่งแปลกปลอมเข้าทางทวารที่เอาออกไม่ได้
- บาดเจ็บที่ไม่ทราบสาเหตุแต่ผู้ป่วยมีอาการมาก
หลักสำคัญในการปฐมพยาบาลเมื่อได้รับบาดเจ็บ ควรปฏิบัติดังนี้
- อย่าตื่นเต้นหรือตกใจ พยายามตั้งสติให้มั่น เพื่อการติดสินใจที่ถูกต้อง แล้วจึงทำการพยาบาลตามลำดับความสำคัญก่อนหลังด้วยความรวดเร็ว พร้อมทั้งพูดจาปลอบโยนและให้กำลังใจแก่ผู้บาดเจ็บไปพร้อมกันด้วย
- รีบให้การปฐมพยาบาลต่อการบาดเจ็บที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตก่อนอื่นโดยเร็ว เช่น หัวใจหยุดเต้น การหายใจขัด การตกเลือด เป็นต้น
- ให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนอนราบและเอียงศีรษะไปข้างใดข้างหนึ่ง ยกเว้นในกรณีที่มีหลักฐานหรือเกิดการบาดเจ็บบริเวณลำคอ ให้นอนศีรษะตรง โดยมีหมอนหรือวัสดุอื่นใดที่คล้ายๆ กันประกบศีรษะ เพื่อประคองให้ศีรษะอยู่ในท่าตรงตลอดเวลา
- ถ้ามีผู้บาดเจ็บหลายๆ รายพร้อมกัน ให้พิจารณาดูความสำคัญว่ารายใดควรได้รับการปฐมพยาบาลก่อน
- ทำการปฐมพยาบาลอย่างนุ่มนวลและรวดเร็วด้วยเครื่องมือ เครื่องใช้ที่สะอาด อย่านำเอาความสกปรกมาเพิ่ม
- ปลดเปลื้องเครื่องนุ่งห่มที่ทำให้การปฐมพยาบาลทำได้ไม่สะดวกหรืออาจรัดแน่นเกินไป แล้วใช้ผ้าคลุมหรือห่มแทนเพื่อความอบอุ่น
- อย่าให้น้ำ อาหาร หรือยาแก่ผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บที่ช่องท้องหรือหมดสติ เพราะอาจจะทำให้อาเจียน สำลัก ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงยิ่งขึ้น
- ไม่ควรให้ยาแก้ปวดแก่ผู้ที่ได้รับการกระทบกระเทือนที่สมอง เพราะจะทำให้บดบังอาการทางสมอง
- ก่อนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยต้องให้การปฐมพยาบาลเรียบร้อยก่อนทุกครั้ง
- การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยต้องทำให้ถูกต้องตามลักษณะการบาดเจ็บนั้นๆ เช่น อาจใช้การประคอง หาม อุ้ม หรือใช้เปล และควรติดตามดูแลในระหว่างทางจนกระทั่งถึงมือแพทย์
หลักการปฐมพยาบาลการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายและเล่นกีฬา
เริ่มจากการตรวจร่างกายเพื่อประเมินลักษณะความรุนแรงของบาดแผลหรือการบาดเจ็บที่ได้รับ รวมทั้งซักถามอาการจากนักกีฬา เช่น มีบวมหรือกดเจ็บ มีอาการปวดขณะเคลื่อนหรือขยับส่วนนั้นๆ หรือไม่ หลังจากได้ข้อมูลการบาดเจ็บแล้วให้เริ่มทำการปฐมพยาบาลโดยปฏิบัติตามอักษรภาษาอังกฤษในคำว่า "RICE" โดยที่
R ใช้แทนคำว่า Rest
I ใช้แทนคำว่า Ice
C ใช้แทนคำว่า Compression
E ใช้แทนคำว่า Elevation
รายละเอียดของการปฏิบัติตามแนวทาง RICE มีดังนี้
- การพัก (Rest) การหยุดใช้งานส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บทันที นั่นคือให้หยุดการเล่นกีฬา โดยเฉพาะในช่วง 6 ชั่วโมงแรกของการบาดเจ็บ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญควรมีการได้พักการใช้งาน อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายต้องการเวลาพักประมาณ 48 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการเริ่มเคลื่อนไหว (mobilization) อีกครั้ง
- การใช้ความเย็น (Ice) โดยการประคบเย็นซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการมีเลือดออกบริเวณเนื้อเยื่อ ลดบวม และอาการปวดได้ ระยะเวลาการประคบเย็นต้องกระทำให้เหมาะสมกับบริเวณที่ได้รับการบาดเจ็บ โดยทั่วไปการประคบเย็นให้ประคบนานครั้งละ 10 ถึง 20 นาที หยุดประคบ 5 นาที ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่บวม หรือทำวันละ 2 ถึง 3 ครั้ง วิธีที่นิยมใช้ในการประคบเย็น ได้แก่
- การใช้เป็นถุงเย็น (ice pack) ซึ่งจะคงความเย็นได้ประมาณ 45-60 นาที และต้องมีผ้าห่อไว้ไม่ให้ถุงเย็นสัมผัสโดยตรงกับผิวหนัง
- การใช้ถุงใส่น้ำแข็ง ผ้าชุบน้ำเย็น ในกรณีที่ไม่มีถุงเย็นหรือบริเวณของการบาดเจ็บกว้างเกินขนาดของถุงเย็น
- การพ่นด้วยสเปรย์เย็น (cooling spray) อาจใช้ลดปวดเฉพาะที่ได้ชั่วคราว สามารถใช้ได้กับบริเวณที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังไม่หนา เช่น คาง สันหมัด ข้อเท้า
- การพันผ้ายืด (Compression) เพื่อกดไม่ให้มีเลือดออกในเนื้อเยื่อมาก มักใช้ร่วมกับการประคบเย็น เพื่อให้ได้ประโยชน์จากทั้งสองด้านร่วมกัน การพันผ้ายืดควรพันให้กระชับส่วนที่บาดเจ็บ และควรใช้ผ้าสำลีผืนใหญ่รองไว้ให้หนาๆ โดยรอบก่อนพันด้วยผ้ายืด ควรพันผ้ายืดคลุมเหนือและใต้ต่อส่วนที่บาดเจ็บ
- การยก (Elevation) ส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อให้เลือดไหลกลับสู่หัวใจได้สะดวก เช่น การนอนวางขาหรือเท้าบนหมอน ในกรณีที่นั่งให้วางเท้าบนเก้าอี้ เป็นต้น ในกรณีบาดเจ็บรุนแรงควรยกสูงไว้ประมาณ 24-48 ชั่วโมง นอกจากนี้การยกส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บให้สูง ยังช่วยในการลดการกดของน้ำนอกเซลล์ที่หลั่งออกมาสู่เนื้อเยื่อบริเวณนั้นทำให้ลดการบวมลงได้
อย่างไรก็ตาม บางหลักปฏิบัติอาจเพิ่มการป้องกันการบาดเจ็บเพิ่ม (Protection) ด้วย ซึ่งอาจจะพบได้ในบางตำรา ทำให้หลักการปฏิบัติเพิ่มจาก "RICE" เป็น "PRICE" เช่น ในกรณีบาดเจ็บรุนแรงที่สงสัยว่ามีอันตรายต่อข้อต่อหรือกระดูกควรดาม (splint) ด้วยอุปกรณ์ที่แข็งและขนาดเหมาะสมกับอวัยวะที่ได้รับการบาดเจ็บซึ่งหาได้ในบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อประคองอวัยวะและป้องกันไม่ให้มีการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อเพิ่มเติม
ข้อควรหลีกเลี่ยง
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนในรูปแบบต่างๆ ในระยะแรก (48 ชั่วโมง) ของการบาดเจ็บ เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว มีเลือดออกในบริเวณนั้นเพิ่มขึ้น นำไปสู่การบวมของเนื้อเยื่อโดยรอบ และจะมีอาการปวดมากขึ้น การหายจะช้าลง
ที่มา : "หนังสือข้อแนะนำการดูแลการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายและเล่นกีฬา สำหรับประชาชน"
โดย ศาสตรจารย์คลินิก นายแพทย์ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
หนังสือชุดข้อแนะนำการออกกำลังกายสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย